การป้องกันและการจัดการกับอัคคีภัยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในทุกสาขาอุตสาหกรรม และสถานที่ต่าง ๆ การตอบสนองอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพต่อสถานการณ์ฉุกเฉินมีผลต่อการรอดชีวิตทั้งทรัพย์สินและบุคคล
องค์กรที่มีความรับผิดชอบในการจัดการกับความเสี่ยงจากเหตุการณ์อัคคีภัยมักจะพึงระวังถึงมาตรฐาน NFPA (National Fire Protection Association) เป็นองค์กรชั้นนำที่มุ่งเน้นให้คำแนะนำและมาตรฐานสำหรับการป้องกันและการจัดการกับอัคคีภัยทั่วไปและหลายสาขาอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสร้างและสิ่งก่อสร้าง การใช้งานอาคาร การผลิต และอื่น ๆ
ประวัติของมาตรฐาน NFPA
สมาคมการป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติ (National Fire Protection Association) เป็นองค์กรที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 128 ปี (ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2539) มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนในการพัฒนามาตรฐานและระเบียบว่าด้วยเรื่องการป้องกันอัคคีภัยและสิ่งที่เกี่ยวข้อง มาตรฐาน NFPA เกิดขึ้นจากความต้องการในการรวบรวมและมาตรฐานการป้องกันอัคคีภัยที่มีความเป็นทางการและเป็นระบบ ซึ่งช่วยให้องค์กรและสถานประกอบการสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพได้
สำคัญของมาตรฐาน NFPA
- การป้องกันและการจัดการกับอัคคีภัย: มาตรฐาน NFPA มุ่งเน้นให้คำแนะนำและมาตรฐานสำหรับการตรวจสอบและปรับปรุงสิ่งแวดล้อมเพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุอัคคีภัย นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการอบรมและการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อเพิ่มความตระหนักในการป้องกันและการจัดการกับอัคคีภัย
- การออกแบบและการสร้าง: มาตรฐาน NFPA มีบทบาทสำคัญในการช่วยกำหนดข้อกำหนดเกี่ยวกับการออกแบบและการสร้างที่ปลอดภัย เช่น ระบบดับเพลิง ระบบสัญญาณเตือนภัย และโครงสร้างที่ป้องกันไฟไหม้
- การผลิตและอุตสาหกรรม: ในสถานที่ที่มีการใช้งานเครื่องจักรและกระบวนการผลิต มาตรฐาน NFPA มุ่งเน้นการป้องกันอัคคีภัยและการรักษาความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งสามารถช่วยลดอันตรายจากเหตุอัคคีภัยและการบาดเจ็บ
- การศึกษาและการอบรม: NFPA มุ่งเน้นให้คำแนะนำและสนับสนุนในการศึกษาและการอบรมที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและการจัดการกับอัคคีภัย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการเตรียมความพร้อมและการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน
ตัวอย่างรหัส NFPA เกี่ยวกับการรับมืออัคคีภัย
มาตรฐาน NFPA มีการลงมมติมาตรฐานสากลกว่า 300 รายการซึ่งจะแบ่งแยกเรื่องเป็น รหัส โดยมีรายละเอียดทุกอย่างตั้งแต่ ข้อกําหนดสําหรับการทดสอบหัวจ่ายน้ําดับเพลิงไปจนถึงการจัดวางถังดับเพลิง ซึ่งมีตัวอย่างรหัสที่เกี่ยวข้องกับการรับมืออัคคีภัยดังนี้
- NFPA 1 เป็นรหัสข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและป้องกันอัคคีภัยที่เกี่ยวข้องกับเหตุเกิดไฟ ซึ่งครอบคลุมปัจจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับการเกิดไฟ การจัดเก็บและใช้งานวัสดุเสี่ยงต่อการไหม้ และอุปกรณ์ดับเพลิงต่าง ๆ ที่จำเป็นในการควบคุมและป้องกันอัคคีภัยไฟในสถานที่ต่าง ๆ
- NFPA 10 เป็นมาตรฐานที่กำหนดเกณฑ์และข้อกำหนดสำหรับเครื่องดับเพลิงแบบพกพา
- NFPA 12 เป็นมาตรฐานที่กำหนดเกณฑ์และข้อกำหนดสำหรับระบบดับเพลิงคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการให้มาตรฐานสำหรับการออกแบบและติดตั้งระบบดับเพลิง CO2 เพื่อใช้ในการป้องกันและควบคุมอัคคีภัยในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการไหม้
- NFPA 13 เป็นมาตรฐานที่กำหนดเกณฑ์และข้อกำหนดสำหรับการติดตั้งระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงอัตโนมัติในสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการป้องกันและควบคุมอัคคีภัยที่เกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้
- NFPA 25 เป็นมาตรฐานที่กำหนดเกณฑ์และข้อกำหนดสำหรับการตรวจสอบ การทดสอบ และการบำรุงรักษาระบบป้องกันอัคคีภัยที่ใช้น้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบพร้อมใช้งานในกรณีเกิดเหตุอัคคีภัย และรักษาเครื่องมือให้มีประสิทธิภาพ
- NFPA 72 – สัญญาณเตือนไฟไหม้และรหัสการส่งสัญญาณ
- NFPA 101 เป็นรหัสความปลอดภัยในชีวิตที่มีผลต่อการวางกลยุทธ์ในการป้องกันอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินจากเหตุร้ายเพลิงไหม้
- NFPA 220 เป็นประเภทของการก่อสร้างอาคาร ที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างประเภทต่างๆ และความสามารถในการเผาไหม้ หรือโอกาสในการติดไฟที่ไม่ควรนำมาใช้ในการก่อสร้างอาคารเพราะอาตมีโอกาสเกิดไฟไหม้ได้
- NFPA 551 มุ่งเน้นการระบุและอธิบายเกี่ยวกับกระบวนการการประเมินความเสี่ยง การระบุตัวแปรที่มีผลต่อความเสี่ยง การวิเคราะห์ความเสี่ยงและการดำเนินการอื่น ๆ
- NFPA 750 เป็นมาตรฐานที่กำหนดเกณฑ์และข้อกำหนดสำหรับระบบป้องกันอัคคีภัยละอองน้ำ
- NFPA 1001 มาตรฐานสําหรับคุณสมบัติระดับมืออาชีพของนักผจญเพลิง
สรุป:
มาตรฐาน NFPA เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมั่นคง โดยการกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและควบคุมอัคคีภัย การสนับสนุนการศึกษาและการอบรมดับเพลิง เนื้อหาวิชาที่ผู้เข้าอบรมควรทราบ เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง และการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการป้องกันอัคคีภัยและลดความเสี่ยงในสถานที่ทำงานและชุมชนอย่างยั่งยืนและมั่นคง